แนะนำโปรแกรมตัดต่อวีดีโอ

ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมมากมายที่ใช้ในการตัดต่อวีดีโอ หลายคนมีคำถามว่าแล้วโปรแกรมไหนดีที่สุดซึ่งความจริงแล้วแนะนำว่าควรจะเอาความสะดวกหรือความถนัดของผู้ใช้เป็นหลัก เรามาดูกันว่ามีโปรแกรมตัดต่อไหนที่น่าสนใจกันบ้าง

แนะนำ 4 โปรแกรมตัดต่อที่น่าสนใจ

  • Adobe Premiere Pro
  • iMovie
  • Final Cut Pro
  • Davinci Resolve
Adobe Premiere Pro CC

1. Adobe Premiere Pro

เป็นโปรแกรมตัดต่อยอดนิยมที่มีผู้ใช้กว้างขวางมากที่สุดโปรแกรมหนึ่งซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะมืออาชีพ เนื่องจาก Adobe Premiere Pro นั้นใช้งานง่ายทำได้หลายอย่างตั้งแต่ตัดต่อ ลงเสียง วางไตเติ้ลกราฟฟิกง่ายๆ แต่งสี หรือแม้กระทั่ง end credit เรียกว่าจบได้ครบในที่เดียวและด้วยความที่อยู่ในตระกูล Adobe ทำให้สามารถ เชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่นๆของ Adobe ได้ง่ายดายอีกด้วย อย่างไรก็ตามคุณควรมีคอมพิวเตอร์สำหรับตัดต่อโดยเฉพาะซึ่งสามารถดูเสป็คได้ตาม link นี้

https://helpx.adobe.com/premiere-pro/system-requirements.html

ข้อดี

  • ใช้งานได้กว้างเหมาะสำหรับ post production ทุกรูปแบบ
  • เชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่นๆของ Adobe ได้ง่าย
  • คนใช้เยอะทำให้การส่งต่องานกันเป็นเรื่องง่าย
  • มีระบบ cloud รองรับ

ข้อเสีย

  • ราคาแพงเพราะต้องซ้ือพ่วงกับโปรแกรมอื่นๆของ Adobe
  • ปัจจุบันเป็นแบบเช่ารายปีไม่มีการซื้อขาด

iMovie

2. iMovie

โปรแกรมตัดต่อยอดฮิตที่พ่วงมากับผลิตภัณฑ์ของ Apple ทั้ง iPhone iPad และ Computer จุดเด่นของโปรแกรมนี้คือมันฟรี (สำหรับสาวก apple)ส่วนการใช้งานนั้นเหมาะกับการทำคลิปสั้นๆหรือ slide show นิยมใช้กันมากบน iPhone หรือ iPad เพราะสะดวกรวดเร็วแต่ถ้าจะทำรายการยาวๆเช่นพวกรายการลง Youtube อาจจะไม่เหมาะจะทำบนมือถือนักเพราะใช้เวลาประมวลผล (render) ค่อนข้างนานและเปลืองเนื้อที่โทรศัพท์พอควรแต่ก็ยังมี desktop version ที่ใช้งานได้ดีสำหรับงานที่ไม่ซับซ้อนมากแต่ถ้ามี footage เยอะมากๆจากหลายกล้องอาจจะไม่เหมาะนักที่จะใช้โปรแกรมนี้พูดง่ายๆว่ามันไม่เหมาะสำหรับมืออาชีพเพราะจะทำให้จัดเรียงไฟล์ค่อนข้างยากและเครื่องมือส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายแต่บางครั้งอาจจะไม่พอเพียงกับความต้องการนัก แต่ iMovie ก็มาพร้อมกับลูกเล่นสนุกๆเช่นการทำให้ clip ธรรมดากลายเป็น trailor หนังและของเล่นอื่นๆอีกเพียบเหมาะสำหรับ home video ทำเล่นสนุกๆไว้อวดเพื่อนๆและครอบครัว

ข้อดี

  • ฟรีสำหรับ Mac
  • มีแถมมากับ iPhone และ iPad
  • ใช้ง่ายไม่ซับซ้อน

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถใช้ได้กับ Window
  • มีข้อจำกัดในการวาง text ต่างๆ
  • ฟังก์ชั่นน้อยไม่มีความยืดหยุ่นในการทำงาน

Final Cut Pro X

3. Final Cut Pro X

Final Cut Pro X เรียกง่ายๆว่าเป็นอัพเกรดเวอร์ชั่นของ iMovie นั่นเอง วิธีการใช้คล้ายกันมากโดยเริ่มจากการเป็นโปรแกรมทางเลือกที่พัฒนาขึ้นสำหรับผู้ใช้ Mac OS ต่อมาได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ post production จนกระทั่งปัจจุบันถูกปรับ interface ให้ใกล้เคียงกับ iMovie เพื่อเอาใจ home user มากขึ้น ทำให้หลายๆคนตัดสินใจกลับไปใช้ Adobe Premiere แต่ราคาหมื่นต้นๆนั้นถือว่าไม่ถูกมากแต่เป็นการซื้อขาดไม่เหมือน Adobe และแน่นอนมันถูกออกแบบมาเพื่อเครื่อง Mac OS Final Cut Pro X จึงสามารถดึงเอาศักยภาพของฮาร์ดแวร์ใน Mac มาใช้แบบเต็มๆ คุณจึงตัดต่อ ProRes และไฟล์ดั้งเดิมของกล้อง เช่น REDCODE RAW, H.264, H.265 และ Sony XAVC ได้อย่างราบรื่น

https://www.apple.com/final-cut-pro/

ข้อดี

  • ซื้อขาดเพียงครั้งเดียว
  • มี plugin และลูกเล่นที่หาซื้อได้ในราคาไม่แพง
  • จัดการกับไฟล์ภาพยนต์ในเครื่อง Mac ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถใช้ได้กับ Window
  • เครื่องมือและวิธีการใช้ต่างจากโปรแกรมอื่นๆค่อนข้างมาก

Davinci Resolve

4. Davinci Resolve

โปรแกรมระดับ professinal อีกหนึ่งโปรแกรมที่อยากจะแนะนำมากๆเพราะสามารถโหลดใช้ได้แบบฟรีๆ ประวัติของ davinci นั้นไม่ธรรมดาเลย เป็นโปรแกรมที่คนทำ Post production มืออาชีพรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะโปรแกรม highend color grading ตกแต่งสีภาพยนต์) ระดับ Hollywood ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนตลาดลงมาเน้นการขายคู่กับ product และ hardware อื่นๆของ Black magic เน้นความเป็น freemium คือสามารถโหลดมาใช้ได้ฟรีๆแต่จะสามารถ export ได้ไม่เกิน 2k ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับคนที่ไม่ต้องการไฟล์ใหญ่มากไปกว่า Full HDแต่ถ้าคุณจ่ายเงินซื้อแบบเต็มระบบก็จะได้ระบบ tracking ที่ดีมากๆมาใช้แล้วก็ export 4k ได้เลยสบายๆ ผู้ใช้สามารถตัดต่อและแต่งสีได้ครบจบในที่เดียว ถึงแม่ว่าจะเป็นโปรแกรมมาตรฐานมืออาชีพแต่ก็สามารถหา tutorial วีดีโอหรือคลาสสอนใน youtube ได้ไม่ยาก สนใจสามารถโหลดได้ตาม link นี้

https://www.blackmagicdesign.com/products/davinciresolve/

ข้อดี

  • ดาวโหลดมาใช้ได้ฟรี
  • ใช้ได้ทั้ง Mac และ PC
  • คุณภาพดีมาก
  • จัดการกับไฟล์ได้หลากหลายนามสกุล
  • ตัดต่อและแต่งสีได้อย่างมีประสิทธิภาพในโปรแกรมเดียว

ข้อเสีย

  • ใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ค่อนข้างมาก
  • ต้องมีพื้นฐานในการใช้พอควร

ที่จริงแล้วยังมีโปรแกรมตัดต่ออื่นๆอีกมากมายแต่วันนี้คัดมาเฉพาะที่เคยใช้จริงเอามาแนะนำให้ไปประกอบการตัดสินใจเลือกใช้โปรแกรมให้เหมาะกับงานของแต่ละคน

...
Latest Posts
about the author

Kavin Twikoon

newsletter
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.